ABOUT US

HIP ผู้นำตลาดสินค้าความปลอดภัยในประเทศไทย
HIP เป็นผู้บุกเบิกโดยเป็นลำดับแรกในประเทศไทย ที่ได้นำเอาเทคโนโลยีเครื่องสแกนลายนิ้วมือ เพื่อบันทึกเวลาการทำงานและควบคุมประตูอัตโนมัติเข้ามาจำหน่าย ตั้งแต่ปี ค.ศ.1999 ด้วยวิสัยทัศน์ของคุณโทนี่ หยาง ในระยะแรก HIP สร้างตัวแทนจำหน่ายรายใหม่จากร้านขายคอมพิวเตอร์และร้านจำหน่ายกล้องวงจรปิด รวมทั้งเปิดโอกาศให้นักศึกษาจบใหม่ คนว่างงานทั่วไปเข้าอบรมเกี่ยวกับสินค้าระบบรักษาความปลอดภัยของ HIP ซึ่งเป็นการสร้างตัวแทนจำหน่ายและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญให้เติบโตควบคู่กันไปอย่างยั่งยืนตราบจวบจนปัจจุบัน ด้วยประสบการณ์มากกว่า 17 ปี HIP มีการพัฒนาและเติบโตขึ้นมากกว่า 10 เท่า ก้าวต่อไปของเราคือการมุ่งมั่นเพื่อนำธุระกิจระบบรักษาความปลอดภัยครบวงจรและสร้างรายได้ให้กับตัวแทนจำหน่ายรวมไปถึงการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ต่อไป ปัจจุบัน HIP มีลูกค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศมากกว่า 600 ราย รวมถึงลูกค้าต่างประเทศในแถบเอเซีย ตะวันออกกลาง ยุโรป

bg-ab02

“Thailand 4.0” เป็นความมุ่งมั่นของรัฐบาล ที่ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ
ไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ทำน้อย ได้มาก การขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยน
แปลงอย่างน้อยใน 3 มิติสำคัญ คือ

1. เปลี่ยนจากการผลิตสินค้า “โภคภัณฑ์” ไปสู่สินค้าเชิง “นวัตกรรม”

2.เปลี่ยนจากการขับเคลื่อนประเทศด้วยภาคอุตสาหกรรม ไปสู่การขับเคลื่อนด้วย
เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม

3.เปลี่ยนจากการเน้นภาคการผลิตสินค้า ไปสู่การเน้นภาคบริการมากขึ้น

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม ประเทศไทยได้เปรียบอยู่ 2 ด้านคือความหลาก
หลายทางชีวภาพ และความหลากหลายเชิงวัฒนธรรม ล้วนแล้วแต่เป็นความได้เปรียบ
ในเชิงการแข่งขัน ซึ่งนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และการวิจัยพัฒนาจะเข้ามามีบทบาท

Trend Market : HIP Security Cloud
HIP ได้กำหนดแผนการพัฒนาระบบ Security Cloud เพื่อให้ใช้งานร่วมกันกับระบบ Cloud ซึ่งมีการเชื่อมต่อผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งานและรวบรวมข้อมูลขนาดใหญ่ไว้ร่วมกัน ซึ่งผู้ใช้งานสามารถใช้สมาร์ทโฟนตรวจสอบความผิดปกติภายในบ้านหรือสถานที่ของตนเองทุกช่วงเวลาตามที่ต้องการ ใช้โมบายแอพพลิเคชั่นเพื่อสอดส่องดูแลและควบคุมระบบรักษาความปลอดภัยทั้งระบบง่าย ๆ แค่ปลายนิ้วสัมผัสผ่านสมาร์ทโฟน

นับได้ว่าการพัฒนาประเทศไทย 4.0 ได้ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้นทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะนวัตกรรมเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย จะอำนวยประโยชน์ ทั้งดูแลชีวิต ทรัพย์สิน และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งจะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่าย ใช้งานสะดวก เมื่อรวมกันเข้าหลาย ๆ ชุมชนจะกลายเป็น Smart City ในที่สุด